ตัวอย่างการทักทายที่ปลอดภัย คือ การไหว้ โบกมือ พยักหน้า หรือโค้งคำนับ
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นไวรัสที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งแพร่เชื้อทางฝอยละอองจากการไอ จาม หรือน้ำลายของผู้ป่วย
เราปกป้องตัวเองจากไวรัสได้ด้วยการล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำกับสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ที่ไอหรือจาม
ถ้ามีน้ำยาฟอกขาวก็สามารถผสมลงไปได้ โดยปฏิบัติตามวิธีใช้บนบรรจุภัณฑ์ อบผ้าให้แห้งด้วยเครื่องอบผ้าอุณหภูมิสูง หรือนำผ้าไปตากแดดให้แห้ง
เพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ ควรล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะในกรณีดังต่อไปนี้ ก่อนทำอาหารหรือรับประทานอาหาร หลังไอหรือจาม ก่อนและหลังใช้ห้องน้ำ และหลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก
อย่าลืมล้างและฟอกสบู่บริเวณง่ามนิ้วมือ หลังมือ และซอกเล็บด้วย
สารออกฤทธิ์ เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรท์ สามารถฆ่าแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสได้ อย่าลืมสวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่นถุงมือยาง ทุกครั้งที่ใช้น้ำยาฟอกขาว เวลาใช้น้ำยาให้ผสมน้ำตามสัดส่วนที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์
ควรลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อด้วยการล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำกับสบู่ ปิดปากเวลาไอและจามด้วยข้อพับแขนด้านใน หรือกระดาษทิชชู่ และต้องทิ้งทิชชู่ที่ใช้แล้วลงถังขยะ และล้างมือทันที และหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้ที่เป็นไข้และมีอาการไอ
แต่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ในสภาพอากาศแบบใด สิ่งสำคัญคือปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี ล้างมือบ่อยๆ ปิดปากเวลาไอหรือจามด้วยทิชชู่ หรือข้อพับแขนด้านใน และทิ้งทิชชู่ที่ใช้แล้วลงถังขยะและล้างมือทันทีทุกครั้ง
เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิสามารถระบุตัวผู้ที่เป็นไข้จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ (คือ มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติ) อย่างไรก็ตาม เครื่องตรวจวัดนี้ไม่สามารถระบุตัวผู้ติดเชื้อที่ยังไม่มีอาการไข้ได้ ซึ่งเชื้อไวรัสอาจใช้เวลาประมาณ 2 – 10 วัน ในการทำให้ผู้ติดเชื้อป่วยและมีไข้
ไม่ควรใช้หลอดไฟยูวีในการฆ่าเชื้อโรคที่มือ หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เพราะรังสียูวีสามารถทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้
ไม่ได้ การฉีดพ่นแอลกอฮอล์ หรือคลอรีนใส่ตามตัวไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกายไปแล้วได้
การฉีดพ่นสารเหล่านี้อาจสร้างความเสียหายต่อเสื้อผ้า และเยื่อบุต่าง ๆ เช่น ตา หรือปากได้ ทั้งแอลกอฮอล์และคลอรีนสามารถใช้ฆ่าเชื้อบนพื้นผิววัสดุต่าง ๆ ได้ แต่ต้องใช้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำไม่ได้ เครื่องเป่ามือไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้
เราควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือถูมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อล้างมือจนสะอาดแล้วจึงควรทำให้แห้งด้วยเครื่องเป่ามือ หรือเช็ดด้วยกระดาษเช็ดมือการสูดควันหรือแก๊สจากพลุหรือประทัดเป็นอันตราย และไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้
ควันเหล่านี้มีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งเป็นพิษอ่อน ๆ ต่อร่างกาย และบางคนอาจมีอาการแพ้สารนี้
ไม่ได้ วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบเช่น วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสและวัคซีนป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟีลุส อินฟลูเอนเซ ชนิดบี หรือฮิป ไม่สามารถป้องกันเราจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ เชื้อไวรัสนี้ยังใหม่และแตกต่างจากสายพันธุ์เดิมอยู่มาก ซึ่งจะต้องใช้วัคซีนที่พัฒนาสำหรับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ปี 2019นี้โดยเฉพาะ ในขณะนี้นักวิจัยกำลังพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก
ถึงแม้ว่าวัคซีนเหล่านี้จะป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้ เราควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจเหล่านี้เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
ไม่ได้ ยังไม่มีหลักฐานว่าการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้
มีหลักฐานจำนวนหนึ่งบ่งชี้ว่าการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะทำให้เราหายจากหวัดธรรมดาได้เร็ว อย่างไรก็ตามการล้างจมูกไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ
กระเทียมเป็นอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งมีคุณสมบัติบางอย่างในการต้านเชื้อจุลชีพ อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานจากสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันว่าการกินกระเทียมสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้
ทุกคนไม่ว่าจะอยูในวัยใดก็สามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ทั้งนั้น ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่นหอบหืด เบาหวาน โรคหัวใจ จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงหากได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
องค์การอนามัยโลกแนะนำประชาชนทุกช่วงวัยให้ระวัง ป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัส เช่น การทำตามหลักสุขอนามัยที่ดีเช่นการล้างมือบ่อยๆและการปิดปากขณะไอหรือจาม
ยาปฏิชีวนะสามารถป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และรักษาอาการเจ็บป่วยได้หรือไม่
ไม่ได้ ยาปฏิชีวนะไม่สามารถใช้ป้องกันรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสได้ ยาปฏิชีวนะใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น
เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงนำยาปฏิชีวนะมาใช้ในการป้องกันหรือรักษาไม่ได้
อย่างไรก็ตาม หากเราเข้ารับการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในโรงพยาบาล เราอาจได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียร่วม
ในปัจจุบันยังไม่มียาป้องกันและรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสควรจะได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมเพื่อทุเลาและรักษาอาการ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงควรได้รับการดูแลขั้นสูงสุด กำลังมีการศึกษาวิธีการรักษาโรคนี้อย่างแข็งขัน ซึ่งยังจะต้องผ่านการทดสอบและทดลองทางคลินิกก่อนจะนำมาใช้จริง ทางองค์การอนามัยโลกเร่งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาการรักษาร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย