สิ่งที่อาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรค COVID-19 ตอนที่ 2

สิ่งที่อาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรค COVID-19 ตอนที่ 2

HIGHLIGHTS:

  • ทุกคนไม่ว่าจะอยูในวัยใดก็สามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้
  • ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่นหอบหืด เบาหวาน โรคหัวใจ จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงหากได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
  • ยังไม่มีหลักฐานว่าการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ มีหลักฐานจำนวนหนึ่งบ่งชี้ว่าการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะทำให้หายจากหวัดธรรมดาได้เร็ว อย่างไรก็ตามการล้างจมูกไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ

ควันหรือแก๊สจากประทัด ช่วยป้องกันไวรัสโคโรน่าได้

การสูดควันหรือแก๊สจากพลุหรือประทัดเป็นอันตราย และไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ ยิ่งกว่านั้นควันเหล่านี้มีสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งเป็นพิษอ่อน ๆ ต่อร่างกาย และบางคนอาจมีอาการแพ้สารนี้  โดยซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะทำให้เกิดการระคายเคืองตา จมูก คอ และปอด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดหอบหืด นอกจากนี้ การพยายามเข้าใกล้พลุเพื่อที่จะสูดควัน พลุและประทัดอาจไหม้ตัวเราได้

จดหมายหรือกล่องพัสดุที่ส่งมาจากประเทศจีนปลอดภัยมากแค่ไหน

คนที่รับสิ่งของทางไปรษณีย์จากประเทศจีนไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จากการวิเคราะห์ที่ผ่านมา เราพบว่าเชื้อไวรัสโคโรนาไม่สามารถมีชีวิตได้นานเมื่ออยู่บนสิ่งของเช่น จดหมายหรือกล่องพัสดุ

สัตว์เลี้ยงที่บ้านสามารถแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานว่าสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมวสามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อย่างไรก็ตาม เราควรล้างมือด้วยน้ำและสบู่หลังสัมผัสกับสัตว์เลี้ยง การล้างมือให้สะอาดจะป้องกันเราจากเชื้อแบคทีเรียเช่น อีโคไล และซัลโมเนลล่า ซึ่งคนจะได้รับผ่านสัตว์เลี้ยงได้

การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นประจำจะป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้

ยังไม่มีหลักฐานว่าการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ มีหลักฐานจำนวนหนึ่งบ่งชี้ว่าการล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะทำให้เราหายจากหวัดธรรมดาได้เร็ว อย่างไรก็ตามการล้างจมูกไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ

น้ำยาบ้วนปากสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ยังไม่มีหลักฐานว่าน้ำยาบ้วนปากจะป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ น้ำยาบ้วนปากบางยี่ห้อสามารถกำจัดจุลินทรีย์บางชนิดในน้ำลายได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าน้ำยาบ้วนปากจะป้องกันเราจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้

การกินกระเทียมสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้

กระเทียมเป็นอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งมีคุณสมบัติบางอย่างในการต้านเชื้อจุลชีพ อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานจากสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันว่าการกินกระเทียมสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้

ทาน้ำมันงาสามารถป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เข้าสู่ร่างกายได้

น้ำมันงาไม่สามารถทำลายเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ มีสารเคมีที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อบางชนิดที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 บนพื้นผิวได้ เช่น น้ำยาฟอกขาวหรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีน สารตัวทำละลาย เอทานอล 75% กรดเปอร์อะซิติก และคลอโรฟอร์ม

อย่างไรก็ตามสารเคมีและน้ำยาฆ่าเชื้อข้างต้นแทบไม่มีผลต่อเชื้อไวรัสเลยหากเรานำมาทาที่ผิวหนังหรือแม้แต่นำมาสูดดมใกล้ๆ ในทางตรงกันข้ามการกระทำนี้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย

คนสูงอายุมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือว่าคนในวัยอื่นก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคด้วยเช่นกัน

ทุกคนไม่ว่าจะอยูในวัยใดก็สามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ทั้งนั้น ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่นหอบหืด เบาหวาน โรคหัวใจ จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงหากได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

องค์การอนามัยโลกแนะนำประชาชนทุกช่วงวัยให้ระวัง ป้องกันตัวเองจากเชื้อไวรัส เช่น การทำตามหลักสุขอนามัยที่ดีเช่นการหมั่นล้างมือและการปิดปากขณะไอหรือจาม

ยาปฏิชีวนะสามารถป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และรักษาอาการเจ็บป่วยได้

ยาปฏิชีวนะไม่สามารถใช้ป้องกันรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสได้ ยาปฏิชีวนะใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงนำยาปฏิชีวนะมาใช้ในการป้องกันหรือรักษาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากเข้ารับการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในโรงพยาบาล อาจได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียร่วม

มียาชนิดใดบ้างที่สามารถป้องกันและรักษาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ในปัจจุบันยังไม่มียาป้องกันและรักษาโรคนี้โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสควรจะได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมเพื่อให้ทุเลาและรักษาตามอาการ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงควรได้รับการดูแลขั้นสูงสุด ทางองค์การอนามัยโลกเร่งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาการรักษาร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย เพื่อศึกษาวิธีการรักษาโรคนี้อย่างแข็งขัน ซึ่งจะต้องผ่านการทดสอบและทดลองทางคลินิกก่อนจะนำมาใช้จริง

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?