By กรุงเทพฯ (30 กันยายน 2563) – ในปัจจุบันนี้ นอกจากสมาร์ทโฟนแล้ว “แท็บเล็ต” ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของผู้บริโภคโดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ทั้งในแง่ของการทำงานและความบันเทิง ซึ่งจะเห็นได้จากผลสำรวจของ Canalys ว่าตลาดแท็บเล็ตมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยยอดส่งมอบ
แท็บเล็ตในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 พุ่งสูงขึ้นถึง 26% จากปีก่อน[1] ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจและเลือกซื้อแท็บเล็ตเพื่อเป็นตัวเลือกในการใช้งานมากขึ้น
แล้วเหตุผลอะไรที่ทำให้ Galaxy Tab S7 Series (กาแลคซี่ แท็บ เอส 7 ซีรีส์) เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนที่กำลังมองหาอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคส์ที่ช่วยตอบโจทย์และเติมเต็มทุกด้านของชีวิตทั้งการทำงานและความบันเทิง ลองค้นหาคำตอบไปด้วยกัน
ปลุกพลังการทำงานในตัวคุณ ด้วยแท็บเล็ตทรงประสิทธิภาพ
- ความชาญฉลาดของ S Pen ใหม่
Advanced Intelligent S Pen ถูกออกแบบให้มีความแม่นยำและค่าความหน่วง (latency) ต่ำเพียง 9 มิลลิวินาที เพื่อมอบประสบการณ์การเขียนที่เสมือนจริงและดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมทั้งฟีเจอร์อย่าง Air actions ที่ช่วยให้การควบคุมและสั่งงานแอปพลิเคชันต่างๆ ง่ายดายและประหยัดเวลายิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกโอกาสด้วยฟีเจอร์ใหม่บน Samsung Notes อาทิ การบันทึกเสียงไปพร้อมกับการจดบันทึก (Audio Bookmark) และยังสามารถทำงานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Galaxy อื่นๆ ได้แบบเรียลไทม์ผ่าน Samsung Account
- ตอบโจทย์ทุกการออกแบบและงานศิลปะ
ตอบสนองการใช้งานด้านการออกแบบและงานศิลป์ในระดับมืออาชีพ ด้วยแอปพลิเคชันด้านการวาดรูปและลงสี
ยอดนิยม อย่าง Clip Studio Paint รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นๆ อย่าง Noteshelf สำหรับจดบันทึก และ Canva สำหรับสร้างงานออกแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ์ด โปสเตอร์โฆษณา และอื่นๆ ให้เหล่าครีเอเตอร์ได้ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
- สะดวกในการพกพา พร้อมรองรับทุกการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
ยกระดับชีวิตให้มีประสิทธิภาพ ไปอีกขั้น ด้วยการทำงานพร้อมกันได้มากกว่า 3 แอปพลิเคชัน และการใช้งาน Samsung DeX แบบไร้สาย ที่ทำงานร่วมกับฟีเจอร์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Book Cover Keyboard แป้นพิมพ์อิสระที่สามารถติดหรือถอดเพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน เม้าส์ไร้สาย และ Advanced Intelligent S Pen รุ่นใหม่ซึ่งช่วยให้สามารถทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง เพื่อประสบการณ์การใช้งานเสมือนคอมพิวเตอร์พีซี
ที่สุดของแท็บเล็ตที่ปลุกพลังความบันเทิงไร้ขีดจำกัด
- ขุมพลังจัดเต็ม ตอบโจทย์สายเกมเมอร์
แท็บเล็ตรุ่นนี้มาพร้อมกับ Qualcomm® snapdragon™865+ ชิปเซ็ตอัจฉริยะที่สามารถประมวลผลได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน Galaxy Tab ให้ความรวดเร็วและทรงพลังในการใช้งาน พร้อมประหยัดพลังงาน จึงทำให้สามารถเล่นเกมกราฟฟิกสูงๆ และทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างไร้กังวล สัมผัสกับขุมพลังที่พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจ
- เต็มอิ่มกับคอนเทนต์โปรดบนหน้าจอใหญ่ลื่นไหลแบบ 120Hz
ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์การรับชมที่เหนือระดับในรูปแบบภาพยนตร์ (Cinematic Experience) ด้วยหน้าจอ Super AMOLED[1] โดย Galaxy Tab S7 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 11 นิ้ว และ Galaxy Tab S7+ ขนาด 12.4 นิ้ว ในอัตรารีเฟรชหน้าจอที่ 120Hz ให้ภาพคมชัดและลื่นไหลขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเนื้อหาที่รับชมช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอ 4 ตัว ระบบเสียงอันทรงพลัง Dolby Atmos มาตรฐาน AKG ที่ไม่ว่าจะเป็นเกมที่ต้องสตรีมมิงกราฟฟิกความละเอียดสูงหรือภาพยนต์ระดับฟอร์มยักษ์ก็สามารถทำได้ดีเยี่ยม
- แบตใหญ่จุใจ ใช้งานได้ตลอดวัน
Tab S7 มาพร้อมกับความจุแบตเตอรี่ที่ 8,000mAh และ Tab S7+ ที่ 10,090mAh ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับชมคอนเทนต์วิดีโอต่อเนื่องได้ยาวนานสูงสุด 15 ชั่วโมง[2] พร้อมเพลิดเพลินและเต็มอิ่มกับทุกกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง รวมถึงการใช้งานในด้านการทำงาน ก็ทำได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องห่วงว่าแบตฯ จะหมดระหว่างวัน
Galaxy Tab S7 และ Tab S7+ วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Mystic Bronze และ Mystic Black โดย Galaxy Tab S7 (Wi-Fi) วางจำหน่ายในราคา 22,900 บาท, Tab S7
(4G LTE) ราคา 26,900 บาท และ Tab S7+ (4G LTE) ราคา 33,900 บาท ที่ Samsung Experience Store และ Samsung.com รวมทั้งยังสามารถสั่งจอง Tab S7+ (5G)[3] ในราคา 39,900 บาท ล่วงหน้าได้แล้วที่เว็บไซต์ของซัมซุง ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ https://www.samsung.com/th/tablets/galaxy-tab-s/
[1] หน้าจอแสดงผล Super AMOLED มีเฉพาะในรุ่น Galaxy Tab S7+
[2] เล่นวิดีโอต่อเนื่องได้สูงสุด 15 ชั่วโมง ทดสอบภายในโดย Samsung ด้วยวิธีการเล่นวีดีโอขนาดไฟล์ Full HD บน Galaxy Tab S7 เปิดการเชื่อมต่อแบบออฟไลน์
[3]รองรับ 5G เฉพาะคลื่นความถี่ 700MHz (N28) สัญญาณและระยะเวลาการเปิดให้บริการขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการเครือข่าย
